06 ส.ค.

มหาพรหมราชินี Mitrephora sirikitiae Weeras., Chalermglin & R.M.K.Saunders

วันที่บันทึกข้อมูล : 06 ส.ค. 2018 โดย : Editorial Team หมวดหมู่ : FAMILY ANNONACEAE

ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2021 เวลา 15:30:56 น. โดย Editorial Team

จำนวนการเข้าชมหน้านี้ 1,025 views

774

มหาพรหมราชินี

ชื่อวิทยาศาสตร์: Mitrephora sirikitiae Weeras., Chalermglin & R.M.K.Saunders

ชื่อสามัญ:

ชื่ออื่น:

วงศ์: ANNONACEAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ต้น ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 4-6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-8 เซนติเมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาล กิ่งอ่อนมีขนอ่อนคลุม

ใบ ใบเดี่ยว รูปใบหอก กว้าง 4-9 เซนติเมตร ยาว 11-19 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ ใบค่อนข้างหนา เรียบ เป็นมัน แผ่นใบสีเขียวเข้ม

ดอก ดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-3 ดอก ออกใกล้ปลายยอด กลีบเลี้ยงรูปไข่กว้าง 3 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกรูปไข่ กว้าง 4.1-5.3 เซนติเมตร โคนกว้าง ปลายเรียวแหลม กลีบบาง สีขาว มีลายเส้นเรียงตามความยาว กลีบดอกชั้นในกว้าง 3.6-4.1 เซนติเมตร ยาว 3.7-4.3 เซนติเมตร โคนสีเขียวอ่อน ปลายสีม่วงเข้ม งอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า ดอกบาน 3-5 วัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ บานช่วงเดือนพฤษภาคม

ผล ผลกลุ่มมีผลย่อย 10-15 ผล รูปทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2-2.4 เซนติเมตร ยาว 5.5-8 เซนติเมตร มีขนอ่อนปกคลุมหนาแน่น

ข้อมูลทั่วไป

เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย พบในบริเวณที่แคบของยอดเขาสูงชัน ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,100 เมตร ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพรรณไม้ที่มีดอกใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับดอกของพรรณไม้ชนิดอื่น ๆ ในสกุลมหาพรหม

การปลูกเลี้ยงและการใช้ประโยชน์

การปลูกเลี้ยง

ดินร่วน ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง แสงแดดมาก

การขยายพันธุ์

ทาบกิ่ง เพาะเมล็ด เสียบยอด

การใช้ประโยชน์

นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ